
เส้นทางรถไฟฟ้านับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีผลต่อการขยายตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยถ้าพิจารณาจากจำนวนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า / ใต้ดินสายปัจจุบันจะพบว่ามีการขยายตัวค่อนข้างมาก
จำนวนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จสะสมทั้ง 2 พื้นที่ในปีพ.ศ.2538 และครึ่งแรกปีพ.ศ.2563

พื้นที่ | 2538 | H1 2563 | % เพิ่มขึ้นจากปี 2538 |
พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า / ใต้ดินปัจจุบัน | 7,835 | 317,989 | 3,959% |
พื้นที่นอกแนวเส้นทางทางรถไฟฟ้า / ใต้ดินปัจจุบัน | 41,850 | 330,560 | 690% |
รวม | 49,685 | 648,549 | 1,205% |
เส้นทางรถไฟฟ้านับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่มีผลต่อการขยายตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยถ้าพิจารณาจากจำนวนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า / ใต้ดินสายปัจจุบันจะพบว่ามีการขยายตัวค่อนข้างมาก มีจำนวนคอนโดมิเนียมใหม่เพิ่มขึ้นจาก 7,835 ยูนิตในปีพ.ศ.2538 มาเป็นจำนวน 317,989 ยูนิต ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2563 เพิ่มขึ้นมากกว่า 3,959% แม้ว่าจำนวนยูนิตอาจจะน้อยกว่าพื้นที่ที่อยู่นอกแนวเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินค่อนข้างมาก
เนื่องจากขนาดพื้นที่นั้นแตกต่างกันค่อนข้างมาก แต่ถ้ามาดูที่การเปลี่ยนแปลงจะพบว่าพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินนั้นเพิ่มขึ้นมากมายในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่จำนวนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จสะสม ณ ครึ่งแรกปีพ.ศ.2563 ในพื้นที่นอกเส้นทางรถไฟฟ้าและรถไฟใต้ดินเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 690% เท่านั้น แม้ว่าจะมีจำนวนคอนโดมิเนียมรวมมากกว่า 330,560 ยูนิตก็ตาม อีกปัจจัยหนึ่งคือ เส้นทางรถไฟฟ้าในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นจากในอดีตมีผลให้โครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากที่อยู่นอกแนวเส้นทางรถไฟฟ้ากลายเป็นโครงการที่อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้า และคงมีอีกจำนวนมากในอนาคตท เพราะเส้นทางรถไฟฟ้าอีกหลายเส้นทางกำลังก่อสร้างอยู่ในปัจจุบัน
รถไฟฟ้า BTS เปิดให้บริการในปีพ.ศ.2542 และรถไฟใต้ดินปีพ.ศ.2547 รวมทั้งมีการเปิดส่วนต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าอีก 3 ครั้งทำให้เส้นทางรถไฟฟ้ามีความยาวมากขึ้น รวมไปถึงมีเส้นทางรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่เปิดให้บริการต่อเนื่อง และมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ตลอดแนวเส้นทางมากขึ้นทันทีที่เริ่มมีการก่อสร้าง เส้นทางรถไฟฟ้ามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินเป็นอย่างมาก
เมื่อมีการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินจะทำให้ราคาที่ดินในพื้นที่รอบๆ นั้นมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นทันที และเมื่อราคาที่ดินนั้นสูงเกินกว่าที่เจ้าของที่ดินจะเก็บที่ดินไว้หรือสูงเกินกว่าจะเป็นบ้านพักอาศัยธรรมดาได้แล้วเจ้าของที่ดินจะขายที่ดินของตนเองเพื่อแลกเป็นเงินก้อนโต และเมื่อราคาที่ดินสูงขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถนำมาพัฒนาเป็นโครงการบ้านจัดสรรที่ใช้ที่ดินขนาดใหญ่ได้ ผู้ประกอบการจึงเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนามาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ใช้ที่ดินไม่มากแต่สามารถพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมได้มากมาย ยิ่งราคาที่ดินสูงขึ้นเรื่องจำนวนของคอนโดมิเนียมยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ โครงการบ้านจัดสรรจะยิ่งออกไปอยู่นอกแนวเส้นทางรถไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ถ้าอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าจะมีราคาขายสูงมากเพื่อรองรับความต้องการของคนจำนวนหนึ่งที่อยากได้บ้านในทำเลที่ไม่ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้าแม้ว่าราคาจะมากกว่า 15 ล้านบาทต่อบ้าน 1 ยูนิตก็ตาม
คอนโดมิเนียมในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องต่อไปในอนาคต เพราะว่ายังมีเส้นทางรถไฟฟ้าหลายสายที่กำลังก่อสร้าง หรือว่าอยู่ในแผนที่จะพัฒนาในอนาคตอีก 1 – 2 ปีข้างหน้า ซึ่งทุกโครงการทั้งที่กำลังก่อสร้าง และจะเริ่มในปีหน้าหรือปีถัดไปนั้นมีกำหนดแล้วเสร็จในอีกประมาณ 3 – 5 ปีข้างหน้า ดังนั้นในช่วงนี้ตลาดคอนโดมิเนียมจะยังคงขยายตัวต่อไปตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าทุกเส้นทางที่มีโอกาสเปิดให้บริการในอีก 3 – 5 ปีข้างหน้า
โดย Phoenix Property ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์