จับสัญญาน อสังหาฯ อาเซียน คนซื้อระวัง คนขายต้องปรับตัว


31/07/2020 วรรณา หาญนอก

อสังหาฯ อาเซียน ยังไม่ตาย ส่องพฤติกรรมคนซื้อบ้านแต่ละประเทศ ส่วนใหญ่ยังอยากซื้อบ้าน แต่ระมัดระวังมากขึ้น แนะคนขายปรับรับมือ

นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของ ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผลผลการสำรวจ Consumer Sentiment Study H2 2020 พฤติกรรมการซื้อ อสังหาฯ อาเซียน พบว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไปไหว แต่เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้บริโภคส่วนใหญ่ ที่ต้องการบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง ยังไม่าพับแผนซื้อ แต่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นในการตัดสินใจซื้ออสังหา

ทั้งนี้ แม้ว่าภาคธุรกิจ และสังคม ของหลายประเทศ จะเริ่มกลับเข้ามาสู่ภาวะปกติ แต่อาจจะได้เห็นคลื่นการหยุดชะงักอีกครั้ง หากมีการระบาดรอบใหม่ รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจ ที่ยังคงต้องอาศัยเวลาในการฟื้นตัว หลังจากสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ของธนาคาร ซึ่งจะเข้าสู่สนามทดสอบของจริง เพราะตัวเลขคนว่างงานที่ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลต่อสถานะทางการเงิน ที่เปราะบาง ของประชากรในแต่ละประเทศด้วย

ดังนั้น การสร้างความต่อเนื่องในการฟื้นตัว และเสถียรภาพให้กับธุรกิจ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ที่ผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรม ต้องนำมาพิจารณา แม้จะต้องเผชิญภาวะขาดสภาพคล่อง แต่ต้องมั่นใจว่า จะสามารถประคองธุรกิจตไปต่อ ด้วยกลยุทธ์ที่รอบคอบ ขณะที่ผลสำรวจพบว่ายังเห็นผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ต้องการบ้านเพื่อที่อยู่อาศัยเองยังไม่พับแผนซื้อ แต่ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการตัดสินใจ เนื่องจากความผันผวนสูงของตลาดจากการระบาดของโควิด-19

ตลาดอสังหาฯที่คึกคักแห่งหนึ่งในภูมิภาค พบว่า ชาวสิงคโปร์มากกว่าครึ่ง (55%) มองว่าความไม่แน่นอนของราคาอสังหาฯ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน โดยผู้บริโภคหวังจะเห็นราคาบ้านที่ถูกลง ขณะที่ผู้ประกอบการชะลอการขายอสังหาฯเพื่อรอรับผลตอบแทนที่ดีกว่าในภายหลัง

การสำรวจถึงพฤติกรรมผู้บริโภคยังพบว่า 42% ค่อนข้างให้ความสนใจในเรื่องราคาเป็นพิเศษ และ 82% ของผู้ทำแบบสำรวจสนใจบ้าน/คอนโดฯ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยลงถ้าหากได้ราคาดี อย่างไรก็ดี ภายในปีหน้า ผู้บริโภค 40% ตั้งใจซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้บริโภคที่ปัจจุบันเป็นผู้เช่า (60%) และผู้ที่ยังอยู่อาศัยกับพ่อแม่ (76%)

ด้านผลสำรวจของประเทศมาเลเซีย เผยภาพรวมชาวมาเลเซีย 52% มีความตั้งใจที่จะซื้อเพื่อการอยู่อาศัย ในช่วงครึ่งปีหลัง และหลังโควิด-19 และซื้อเพื่อลงทุน 42% โดยอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือ หลังการประกาศขยายเวลาล็อคดาวน์ในประเทศ ส่งผลให้ผู้บริโภควัยทำงาน ครอบคลุมทั้งกลุ่มมิลเลนเนียล และกลุ่มผู้เช่าในปัจจุบัน เริ่มสนใจซื้อบ้าน เพราะต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ทั้งนี้ ผลสำรวจพบกลุ่มผู้เช่า (51%) และคนที่ยังอาศัยอยู่กับครอบครัว (44%) ยังเดินหน้าซื้อบ้านและมองว่าการระบาดของโควิด-19 ไม่เป็นอุปสรรคในการซื้อบ้าน นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่าปัญหาที่ชาวมาเลเซียเผชิญ นอกจากความผันผวนของราคา และความล่าช้าในการซื้อบ้านแล้ว ยังมีในเรื่องของการเข้าเยี่ยมชมบ้านตัวอย่าง เนื่องจากต้องการเข้าชมโครงการจริงมากกว่าการดูผ่านออนไลน์

ด้าน ชาวอินโดนีเซีย ประมาน 60% ตัดสินใจชะลอการซื้อขายอสังหาฯออกไปชั่วคราว เนื่องจากต้องการเก็บเงินไว้ก่อนในช่วงนี้และจะกลับมาซื้ออสังหาฯต่ออย่างแน่นอนในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ไปจนถึงปีหน้า

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามากกว่า 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามจะพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระของตัวเองเป็นอย่างดี แต่รายได้ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญในการซื้ออสังหาฯ โดยพบว่า 51% มีเงินดาวน์ไม่เพียงพอ ขณะที่ 46% มีความกังวลเรื่องรายได้ที่ไม่แน่นอน ซึ่งเป็นอุปสรรคในการขอสินเชื่อ

ขณะที่ ผู้บริโภคชาวไทย 75% ชะลอการซื้อขายอสังหาฯ และ 79% มองว่าราคาอสังหาฯเป็นอุปสรรคสำคัญในการซื้อบ้าน แต่มีผู้บริโภคถึง 63% ให้ความสนใจและพิจารณาซื้อบ้านผ่านการประมูล เนื่องจากผู้ซื้อมีความพร้อมมองว่า อสังหาฯ มือสองที่เปิดให้ประมูลเหล่านี้มักอยู่ในทำเลที่หาโครงการใหม่เปิดตัวได้ยาก หรือหากมีก็จะมีราคาที่สูงมากจากราคาต้นทุนที่ดินในปัจจุบัน ทำให้โครงการเหล่านี้ตอบโจทย์ ทั้งในเรื่องของทำเลและราคาที่เอื้อมถึง

จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังพิจารณาที่จะซื้ออสังหาฯ อยู่ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่กับพ่อแม่มีแนวโน้มที่จะซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 และปี 2564

จากผลสำรวจยังพบอีกว่า ข้อมูลราคา ทำเลที่ตั้ง และความปลอดภัยในพื้นที่เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคในอาเซียนส่วนใหญ่นินมค้นหามากที่สุด โดยส่วนใหญ่นิคมค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ต อาทิ เว็บไซต์ของโครงการ เว็บไซต์สื่อกลาง ซื้อ-ขายอสังหาฯ เพื่อเลือกชมโครงการบ้านที่หลากหลาย หรือบางกลุ่มนิยมใช้นายหน้า เนื่องจากประหยัดเวลาในการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ และนายหน้าบางรายอาจจะมีข้อเสนอพิเศษ

ด้านชาวอินโดนีเซีย ส่วนใหญ่ตั้งใจขะซื้อเพื่อลงทุน จึงพิจารณาจาก ราคา ทำเลที่ตั้ง ประเภทของอสังหาฯ ความปลอดภัยของทำเล และแผนการพัฒนาโครงการและสาธารณูปโภคในอนาคตของทำเลนั้นๆ ทั้งนี้เอง ชาวอินโดนีเซียต้องการทราบข้อมูลด้านเอกสารทางกฏหมายและขั้นตอนการดำเนินการ รวมถึงรีวิวเกี่ยวกับนายหน้า/ผู้พัฒนาโครงการเมื่อจะตัดสินใจซื้อ-เช่ามากกว่าชาวไทย

ชาวไทยพิจารณาราคา/ยูนิตเป็นอันดับแรก ถัดมา คือ ขนาดที่อยู่อาศัย รูปแบบโครงสร้าง ภาษีและมาตรการของภาครัฐที่ออกมาช่วย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบที่อยู่อาศัย และมองหาผลตอบแทนค่าเช่า/การทำกำไรในอนาคต

นอกจากนี้ ยังพบข้อสังเกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองและปัจจัยที่ผู้บริโภคใช้พิจารณาหากต้องการซื้อบ้าน หลังจากเผชิญการระบาดของโควิด-19 โดยพบว่า

ชาวมาเลเซีย พิจารณาเรื่องการระบายอากาศและแสงธรรมชาติมาเป็นอันดับแรก ถัดมาเป็นเรื่องของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต มองหาบ้านที่เป็นได้ทั้งออฟฟิสและฟิตเนส และความหนาแน่นโครงการที่ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มวัยเกษียณที่ต้องหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด

ชาวสิงคโปร์ พิจารณาให้ความสำคัญกับเรื่องทำเลที่อยู่ใกล้ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้าเป็นพิเศษ รองลงมาคือในเรื่องของการระบายอากาศและแสงธรรมชาติ มีความต้องการพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น และสนใจระบบบ้านอัจฉริยะที่จอบโจทย์เรื่องประหยัดพลังงานหากต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้าน ดังเช่นสถานการณ์ที่ผ่านมา

หากพิจารณา ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ของทั้งภูมิภาคในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า มูลค่าอสังหาฯเองมีความผันผวนมากขึ้น

อย่างไรก็ดีหากพิจารณาจากผลการสำรวจของเราจะเห็นว่า ตลาดอสังหาฯในภูมิภาคนี้มีแนวโน้มที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้จากความต้องการซื้อของผู้บริโภคที่ยังคงมีอยู่

ประกอบกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เริ่มปล่อยสินค้าใหม่ๆ หรือโครงการที่ถูกพักขายก่อนหน้าออกมาสู่ตลาดควบคู่กับการเร่งขายโครงการเก่าพร้อมโปรโมชั่นน่าสนใจ รวมทั้งสถาบันการเงินหลายแห่งก็มีการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์สินเชื่อกู้ซื้อบ้านและอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อกู้ซื้อบ้าน ยิ่งทำให้แนวโน้ม ตลาดอสังหาฯฟื้นตัวขึ้นได้

แหล่งที่มา เว็บไซต์ The Bangkok in Sight


แชร์บทความ
Tags

ตลาดอสังหาริมทรัพย์บ้านผู้ประกอบการผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้โครงการแนวราบ


add line phoenix