
การดึงความสนใจของนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วยวิธีการที่นักพัฒนาอสังหาฯนำมาใช้ นั่นคือการดึงเชนโรงแรมชั้นนำมาบริหาร โดยมีการขายแบบการันตีผลตอบแทน
ปัญหาของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน ที่ผ่านมาในสายตาของนักลงทุนคือให้ผลตอบแทน”ช้า” เมื่อเทียบกับการเล่นหุ้น แถมยังมีโอกาส”ติดมือ” เนื่องจากซัพพลายล้น ขายต่อยาก ซึ่งเป็น”จุดอ่อน” ทำให้อสังหาฯเพื่อการลงทุนไม่ค่อยเป็นที่สนใจของนักลงทุนไทย เมื่อเทียบกับนักลงทันต่างชาติ จนต้องมีการ “แก้เกม” ดึงความสนใจลงทุน หนึ่งในวิธีการที่นักพัฒนาอสังหาฯนำมาใช้ นั่นคือการดึงเชนโรงแรมชั้นนำมาบริหาร โดยมีการขายแบบการันตีผลตอบแทน
จากโมเดลดังกล่าว ส่งผลให้อสังหาฯเพื่อการลงทุน กลายเป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น จากการสร้างความเชื่อมั่นในการดึงมืออาชีพมาบริหาร พร้อมกับการันตีผลตอบแทน เป็นแรงกระตุ้นดึง”เงินทุน”ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาซื้อโครงการทั้งในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พัทยา ชะอำ หัวหิน ภูเก็ต สมุย ฯลฯ โดยให้ผลตอบแทนตั้งแต่ 5-10% ภายในระยะเวลา 2-20 ปี ขึ้นอยู่กับโครงการในแต่ละทำเลมีทั้งที่เป็นโรงแรม คอนโด และบ้านพักตากอากาศ
ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ระบุว่า ก่อนหน้านี้นักลงทุนไทยนิยมจะซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุนในกรุงเทพฯ แต่ระยะหลังราคาสูงและปล่อยเช่า”ยาก” จึงเปลี่ยนมาซื้อในเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยา หัวหิน เขาใหญ่
สามารถสร้างผลตอบแทนสูงกว่า และเข้ามาพักได้ หรือ3-5 ปีหลังจากนั้นขายทำกำไร ขณะที่กลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ ฮ่องกง จีน มีความพร้อมที่ลงทุนทั้งนี้ เนื่องจากที่ดินราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับตลาดในต่างประเทศสูงถึงตรม.ละ 5 แสนบาท-1 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนไม่เกิน 2% ขณะที่ในประเทศไทยราคาต่อตรม.ไม่ถึง 2 แสนบาท แถมการันตีผลตอบแทน ตั้งแต่ 5% ขึ้นไปโดยมีเชนโรงแรมเข้ามาบริหาร “หากซื้อห้องหนึ่งห้องนอนในในฮ่องกงต้องมีเงิน 30 ล้านบาทหรือ1ล้านดอลลาร์ แต่ถ้ามาซื้อในไทยจะได้คอนโดคุณภาพ 4-5 ห้องและได้ผลตอบแทน 5-6% เป็นเหตุให้กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะจีนนิยมมาลงทุน”
ขณะที่ปัจจุบันมีกลุ่มนักลงทุน “หน้าใหม่”จากเดิมที่เล่นหุ้นซื้อกองทุนแล้วได้ผลตอบแทน “ไม่คุ้มค่า” จึงเบนเข็มมาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อการลงทุนด้วยการปรับพอร์ตการลงทุนใหม่เพราะความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น หรือกองทุน และ ผลตอบแทนชัดเจน ส่งผลให้มีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่และรายเล็ก ที่มองเห็น “โอกาส” โดดเข้ามาแข่งขันในตลาดมากขึ้น
“5 ปีที่ผ่านมาจำนวนเที่ยวบินในภูเก็ตเพิ่มขึ้น ทั้งเที่ยวบินในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ขณะที่การใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเฉลี่ย 7,000 บาทต่อวัน ส่งผลให้ภูเก็ตไม่ได้เป็นแค่แหล่งท่องเที่ยวในฝันของนักท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังเป็น แหล่งลงทุนด้านอสังหาของนักลงทุน อาจดูเป็นเรื่องใหม่ในไทย แต่เชื่อว่ากำลังจะได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นมีความเสี่ยงและผันผวน ใช้เงินลงทุนต่ำ ได้รับผลกำไรจากผลประกอบการของโรงแรมสูงกว่าไปหาผู้เช่าเอง ที่สำคัญไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการดูแล”อรรถนพ พันธุกำเหนิดประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด หนึ่งในผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน กล่าวจึงไม่น่าแปลกในที่ไทยจะกลายเป็น “แหล่งลงทุน” อสังหาฯเพื่อการลงทุนอันดับต้นๆในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ เพราะ”ทำเล”ตามเมืองท่องเที่ยวโดดเด่น
จากข้อมูลของฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ระบุว่า การขายอสังหาฯแบบการันตี ผลตอบแทนจากการเช่า ในปี2561 คอนโดที่อยู่ระหว่างการขายในจังหวัดภูเก็ต มีจำนวน 100 โครงการ 19,345 ยูนิต และมีคอนโดมิเนียม 63 โครงการ ที่มีการขายแบบการการันตีผลตอบแทนจากการเช่า ซึ่งบางโครงการให้ผลตอบแทนสูงถึง 10% ในระยะ 10 ปี
จากข้อมูลพบว่า ภูเก็ต พัทยา และเกาะสมุยเป็นทำเลที่มีการขายอสังหาฯแบบการันตีผลตอบแทนจากการเช่าสูงที่สุดถึง 10% ซึ่งพบว่า บางผู้ประกอบการให้ผลตอบแทนจากการเช่าสูงถึง 10% ถึง 20 ปี รองลงมาคือพื้นที่อื่นๆที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดอยู่ที่ 7 -8% ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนจากการเช่าที่ค่อนข้างสูง
สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัทฟินิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่ จำกัด กล่าวว่า การการันตีผลตอบแทนการลงทุนสูง แม้จะน่าสนใจแต่ผู้ซื้อควรคำนึงถึงความเสี่ยงในระยะยาวไว้ด้วยเพราะโดยทั่วไปแล้วผลตอบแทนจากการลงทุนธุรกิจโรงแรมไม่ได้สูงขนาด 10% ส่วนใหญ่จะต่ำกว่านั้น ดังนั้น ถ้าโครงการใดที่ให้ผลตอบแทนสูงๆ ยิ่งมีระยะเวลานานๆ ยิ่งควรระวัง โดยเฉพาะเป็นโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่นที่อาจจะหนีหายไปเมื่อโครงการไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามที่ระบุในสัญญา
แหล่งที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 17 มิถุนายน 2562