ฮาบิแทท กรุ๊ป ดึง”แจลลุกซ์ บริหารวาลเด้น


14/02/2020 มณีรัตน์ จันทร์เคน

‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ จับมือ เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ ภายใต้บริษัท แจลลุกซ์ อิงค์ เข้าบริหารโครงการแบรนด์ วาลเด้น ยกระดับการให้บริการลูกค้าคอนโดมิเนียมสู่มาตรฐานสากล 

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯวางเป้าหมายพัฒนาโครงการ และการบริการเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเพื่อการลงทุน และอยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ ซึ่งมีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แตกต่าง และการเพิ่มมูลค่าราคาตลาด ในการลงทุนให้กับผู้อาศัยในอนาคต รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการบริการที่มากขึ้น

ฮาบิแทท กรุ๊ป จึงได้ร่วมมือกับ เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ (JRE Development) หนึ่งในบริษัทผู้นำด้านการบริหารโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีโครงการที่อยู่อาศัยและเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ที่บริหารจัดการหลายแห่ง โดยความร่วมมือในครั้งนี้ เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ จะเข้ามาบริหารโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ภายใต้แบรนด์ วาลเด้น ของ ฮาบิแทท กรุ๊ป ทั้งหมด 4 โครงการ ใน 3 ทำเลคุณภาพ ได้แก่ วาลเด้น ทองหล่อ 8, วาลเด้น ทองหล่อ 13, วาลเด้น สุขุมวิท 39 และวาลเด้น อโศก สร้างมาตรฐานการบริการให้กับโครงการคอนโดมิเนียมของฮาบิแทท กรุ๊ป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อเพื่อการลงทุน และผู้อยู่อาศัย

การดึง เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ เข้ามาเป็นพันธมิตรในการบริหารจัดการโครงการภายใต้แบรนด์ วาลเด้น ในครั้งนี้ เพราะเจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่มีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าชาวญี่ปุ่น ซึ่งโครงการวาลเด้น มีลูกค้าเป้าหมายที่จะเช่าส่วนใหญ่เป็นชาวญี่ปุ่น ประมาณ 80% นอกจากนี้การบริหารโครงการโดยบริษัทมืออาชีพจะทำให้ลูกค้าที่ตัดสินใจซื้อโครงการภายใต้แบรนด์ วาลเด้น ทั้ง 4 โครงการ เชื่อมั่นและไว้วางใจในการบริการที่มีมาตรฐานระดับสากล สร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย และนักลงทุนได้เป็นอย่างดี

“ไม่ว่าลูกค้าที่ต้องการซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุน หรือซื้อเพื่ออยู่อาศัย ก็มีความต้องการผู้บริหารจัดการดูแลโครงการ โดยเฉพาะโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา พบว่าซัพพลายมีมากเกินกว่านักลงทุนและผู้เช่า ทำให้ผู้ที่เคยลงทุนซื้ออสังหาฯ ในรุงเทพฯ ไม่สามารถปล่อยเช่าได้ทั้งหมด คือปล่อยเช่าได้เพียง 60 – 70 % เท่านั้น และได้รับผลตอบแทนเพียง 3% เท่านั้น

นายมาซาชิ ฮิกุจิ ประธานบริหาร บริษัท เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้นำด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ภายใต้บริษัท แจลลุกซ์ อิงค์ (JALUX Inc.) ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า โครงการ วาลเด้น ทองหล่อ 8, วาลเด้น ทองหล่อ 13, วาลเด้น สุขุมวิท 39 และวาลเด้น อโศก เป็น 4 โครงการแรกที่บริษัทฯได้เข้าบริหารโครงการในประเทศไทย

“เราพร้อมนำประสบการณ์ด้านการเป็นผู้พัฒนาโครงการ และบริหารอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี มาสู่การบริหารโครงการในครั้งนี้ด้วยแน่นอน และจากประสบการณ์ด้านพร็อพเพอร์ตี้ แมนเนจเม้นท์ โดยเฉพาะการบริหารโครงการที่อยู่อาศัย ตั้งแต่ปี 2011  กับผลงานกว่า 30 โปรเจคที่รับบริหารและจัดการ ซึ่งประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 95% ขึ้นไป เราจึงวางแผนการขยายธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่นออกสู่ต่างประเทศ โดยตัดสินใจเลือกไทยเป็นประเทศแรก ก่อนที่จะใช้โมเดลความสำเร็จในไทย ขยายตลาดต่อไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

ส่วนการเลือกเข้ามาขยายธุรกิจในไทยก่อนนั้น เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสของตลาดอสังหาฯ ในไทยเติบโต รวมทั้งมีกลุ่มคนญี่ปุ่นที่อาศัยในประเทศไทย (Expat) อยู่จำนวนมากถึง 7 หมื่นคน  โดยได้เปิดบริษัท เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เมื่อปี 2558 ทุนจดทะเบียน 28 ล้านบาท โดย แจลุกซ์ เอเชีย จำกัด ถือหุ้น 98% ,แจลุกซ์ เอเชีย เซอร์วิส 1% และแจลุกซ์ RECRUITMENT ASIA ถือหุ้นในสัดส่วน 1%

เจอาร์อี ดีเวลลอปเม้นท์ คาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีนับจากนี้ จะมีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาทำธุรกิจในไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพนักงานเหล่านี้ย่อมต้องการคอนโดมิเนียมที่มีการบริการดี จึงนับเป็นโอกาสในการขยายตลาดในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ จากการให้บริการและจัดการของบริษัทฯในตลาดปัจจุบันพบว่า ยังไม่มีผู้ประกอบการไหนที่ให้บริการในรูปแบบเดียวกันนี้ โดยบริษัทฯจะให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกค้า เริ่มจากศึกษาบริษัทญี่ปุ่นที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ถึงงบประมาณที่จัดสรรให้กับพนักงานในการหาที่พักอาศัย จากนั้นเราจึงมากำหนดราคา โดยจะเห็นได้ว่ากลุ่มชาวต่างชาติเป้าหมายที่มีงบประมาณค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักอาศัยประมาณ 6 หมื่นบาทต่อเดือน  อยู่ในฐานราคาที่มีความต้องการอย่างมากทั้งในตลาดปัจจุบันและในอนาคต

โดยจุดเด่นของการให้บริการภายในโครงการจะกำหนดมาตรฐานเอาไว้สองอย่าง ได้แก่ 1. Standard Menu of L’axe ซึ่งเป็นบริการพื้นฐาน อาทิ แม่บ้านดูแลความสะอาดจำนวน 2 ครั้งต่อสัปดาห์, ไวไฟ, Japanese TV Standard, รับไมล์สะสมกับสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ (JAL) 1% ของค่าเช่าได้ทุกเดือน, เจ้าหน้าที่ที่สื่อสารภาษาญี่ปุ่นคอยอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง 2. L’axe Cafeteria Plan บริการเพิ่มเติมเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า โดยสามารถเพิ่มการรับบริการให้ตรงกับงบประมาณที่จัดสรรไว้ได้ อาทิ แม่บ้าน และการบริการซักรีด แบบแพ็คเก็จรายเดือนในราคาพิเศษ, รถรับส่งสนามบิน, กรมธรรม์ประกันภัย (Tenants liability Insurance)

แหล่งที่มา เว็บไซต์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563


แชร์บทความ
Tags

ตลาดที่อยู่อาศัยฮาบิแททแจลลุกซ์


add line phoenix